นักดาราศาสตร์ค้นพบการกระจายตัวของกระจุกดาวฤกษ์ในบริเวณก่อกำเนิดดาวฤกษ์
นักดาราศาสตร์ค้นพบการกระจายตัวของกระจุกดาวฤกษ์ในบริเวณก่อกำเนิดดาวฤกษ์
เพจสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ระบุว่า Dr. Ram K. Yadav นักดาราศาสตร์ NARIT ร่วมทีมนักวิจัยค้นพบกลุ่มประชากรหนาแน่นของระบบดาวฤกษ์ที่มีการกระจายตัวออกจากศูนย์กลาง และเชื่อมต่อกันด้วยเส้นใย (compact hub–filament systems) ภายในกระจุกดาวก่อกำเนิด W33 โดยผลงานดังกล่าวได้รับการรับรองเพื่อตีพิมพ์ในวารสาร Astronomical Journal (AJ)
W33 เป็นบริเวณก่อกำเนิดดาวฤกษ์ที่ตั้งอยู่ในรอยต่อระหว่างแขน Scutum และ Normal ของกาแล็กซีทางช้างเผือก โดยบริเวณรอยต่อนี้มักจะเป็นบริเวณที่พบโครงสร้างขนาดใหญ่ของกาแล็กซี การไหลของแก๊ส และการก่อกำเนิดดาวฤกษ์อันสลับซับซ้อน และมักจะเป็นบริเวณสำคัญที่จะช่วยให้นักดาราศาสตร์สามารถเข้าใจถึงการก่อกำเนิดดาวฤกษ์ในยุคแรก
ทีมนักดาราศาสตร์ได้ใช้ภาพถ่ายความละเอียดสูงในย่านอินฟราเรดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Spitzer และ unWISE ในการศึกษา จนค้นพบระบบ compact hub-filament systems (HFSs) ภายใน W33 ได้มากถึง 45 แหล่ง ซึ่ง hub-filament system เหล่านี้ เปรียบได้กับส่วนของ “hub” หรือ ใจกลางที่มีความหนาแน่นสูง ที่ถูกเชื่อมต่อโดยเส้นใยที่ประกอบขึ้นจากแก๊สและฝุ่น (filament)
และเมื่อนำข้อมูลที่ได้ ไปเปรียบเทียบกับข้อมูลจาก ALMAGAL (ALMA) จึงทำให้นักดาราศาสตร์สามารถประกอบภาพที่สมบูรณ์ของกระบวนการก่อกำเนิดดาวฤกษ์ภายในโครงสร้างเหล่านี้ได้ โดยเริ่มจากกลุ่มเมฆและแก๊สที่เรียงกันคล้ายกับ filament ที่รวมตัวกันเป็นก้อน และกระจุกตัวเป็น hub-filament system และจาก hub เหล่านี้นี่เอง ที่ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการกำเนิดของดาวฤกษ์ รวมไปถึงดาวฤกษ์ที่มีมวลมหาศาลอีกด้วย
จากการสังเกตการกระจุกตัวกันอย่างหนาแน่นของระบบดาวฤกษ์ที่มีการกระจายตัวออกจากศูนย์กลาง และเชื่อมต่อกันด้วยเส้นใย (HFSs) ภายในโครงสร้างเดี่ยวนี้เอง ที่จะช่วยให้นักดาราศาสตร์สามารถเข้าใจอิทธิพลของ filament ที่มีต่อการนำแก๊สไปจ่ายให้กับเหล่า hub และกระบวนการก่อกำเนิดดาวฤกษ์
เพจสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ระบุว่า Dr. Ram K. Yadav นักดาราศาสตร์ NARIT ร่วมทีมนักวิจัยค้นพบกลุ่มประชากรหนาแน่นของระบบดาวฤกษ์ที่มีการกระจายตัวออกจากศูนย์กลาง และเชื่อมต่อกันด้วยเส้นใย (compact hub–filament systems) ภายในกระจุกดาวก่อกำเนิด W33 โดยผลงานดังกล่าวได้รับการรับรองเพื่อตีพิมพ์ในวารสาร Astronomical Journal (AJ)
W33 เป็นบริเวณก่อกำเนิดดาวฤกษ์ที่ตั้งอยู่ในรอยต่อระหว่างแขน Scutum และ Normal ของกาแล็กซีทางช้างเผือก โดยบริเวณรอยต่อนี้มักจะเป็นบริเวณที่พบโครงสร้างขนาดใหญ่ของกาแล็กซี การไหลของแก๊ส และการก่อกำเนิดดาวฤกษ์อันสลับซับซ้อน และมักจะเป็นบริเวณสำคัญที่จะช่วยให้นักดาราศาสตร์สามารถเข้าใจถึงการก่อกำเนิดดาวฤกษ์ในยุคแรก
ทีมนักดาราศาสตร์ได้ใช้ภาพถ่ายความละเอียดสูงในย่านอินฟราเรดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Spitzer และ unWISE ในการศึกษา จนค้นพบระบบ compact hub-filament systems (HFSs) ภายใน W33 ได้มากถึง 45 แหล่ง ซึ่ง hub-filament system เหล่านี้ เปรียบได้กับส่วนของ “hub” หรือ ใจกลางที่มีความหนาแน่นสูง ที่ถูกเชื่อมต่อโดยเส้นใยที่ประกอบขึ้นจากแก๊สและฝุ่น (filament)
และเมื่อนำข้อมูลที่ได้ ไปเปรียบเทียบกับข้อมูลจาก ALMAGAL (ALMA) จึงทำให้นักดาราศาสตร์สามารถประกอบภาพที่สมบูรณ์ของกระบวนการก่อกำเนิดดาวฤกษ์ภายในโครงสร้างเหล่านี้ได้ โดยเริ่มจากกลุ่มเมฆและแก๊สที่เรียงกันคล้ายกับ filament ที่รวมตัวกันเป็นก้อน และกระจุกตัวเป็น hub-filament system และจาก hub เหล่านี้นี่เอง ที่ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการกำเนิดของดาวฤกษ์ รวมไปถึงดาวฤกษ์ที่มีมวลมหาศาลอีกด้วย
จากการสังเกตการกระจุกตัวกันอย่างหนาแน่นของระบบดาวฤกษ์ที่มีการกระจายตัวออกจากศูนย์กลาง และเชื่อมต่อกันด้วยเส้นใย (HFSs) ภายในโครงสร้างเดี่ยวนี้เอง ที่จะช่วยให้นักดาราศาสตร์สามารถเข้าใจอิทธิพลของ filament ที่มีต่อการนำแก๊สไปจ่ายให้กับเหล่า hub และกระบวนการก่อกำเนิดดาวฤกษ์
相关文章:
- แก้รัฐธรรมนูญ 60: เปิด 3 เงื่อนไข สว. “ยอมไม่ได้” ก่อนรัฐสภาถกวาระ 2
- How to Start a Travel Blog in 2025: Tips to Make Money Fast!
- How to Plan a Trip in 2025: My Full
- นักดาราศาสตร์ค้นพบการกระจายตัวของกระจุกดาวฤกษ์ในบริเวณก่อกำเนิดดาวฤกษ์
- Boost Your Tour and Activities Business with Facebook Messenger • Regiondo
- 今日11时05分小雪节气 小雪吃什么才养生好过冬?
- 人教版七年级上册五单元作文:我爱我家
- 哔哩哔哩漫画怎么缓存漫画到手机
- 7亿美元独播F1,苹果“整顿”体育版权市场
- 39 ESSENTIAL Travel Apps for iPhone & Android in 2025
栏目分类
最新文章
